หัวใจแม่แหลกสลาย!! ตาขับรถน้ำแข็งทับร่างหลาน 2 ขวบดับคาที่ (คลิป)
1 min readตาขับรถส่งน้ำแข็งพาหลาน 2 ขวบพร้อมยาย รวม 3 คน ไปสูบปลาที่สระน้ำทุ่งนา กลับถึงบ้านขนสัมภาระลงรถ กะต้มปลาให้หลานกิน ระหว่างเคลื่อนรถมองไม่เห็นหลานที่กำลังวิ่งตาม ล้อหลังทับร่างเสียชีวิตคาที่ แม่เป็นครูฝึกสอนมาเห็นภาพเป็นลมล้มทั้งยืน ตำรวจตั้งข้อหาตาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต
วันที่ 31 ม.ค. 63 ร.ต.อ.พรหมพิริยะ พันสีเงิน รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะทับเด็กเสียชีวิต จึงประสานหน่วยกู้ภัยวังกรูดสตึก เข้าไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นหน้าบ้านเลขที่ 204 หมู่ที่ 15 ต.สตึก อ.สตึก พบชาวบ้านกำลังมุงดูศพ ด.ช. ปิยะดนัย (น้องแมนยู)โสภี อายุ 2 ขวบ ที่ถูกนำมาวางบนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน โดยพบ น.ส.สุรีย์พร ชะวีรัมย์ อายุ 24 ปี แม่ของเด็ก นั่งร่ำไห้กอดร่างลูกชายแทบปริ่มขาดใจ เป็นลมล้มพับหลายครั้ง สร้างความเวทนาให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
ห่างไปประมาณ 20 เมตร พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว-น้ำเงิน ทะเบียน บน- 4005 ยโสธร เป็นรถส่งน้ำแข็งร้านของบริษัท“กิมซุนไอช์”ซึ่งเป็นรถที่ทับร่างเด็กเสียชีวิต จอดอยู่บนถนนคอนกรีตภายในซอยหน้าบ้าน
ส่วนผู้ที่ขับรถทับร่างน้องแมนยูคือนายสมร ชะวีรัมย์ อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นพนักงานขับรถบรรทุกน้ำแข็งและเป็นตาของน้องแมนยู ที่เสียชีวิต ยืนรอให้การกับตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนนายสมร ตาเด็กให้การกับตำรวจว่า ตนมีอาชีพขับรถส่งน้ำแข็งให้กับบริษัทฯมานานกว่า 7 ปี ช่วงสายของวันนี้ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ขับรถส่งน้ำแข็งตามปกติ
ในช่วงพักเที่ยง ได้ขับรถมาพักที่บ้าน จึงรับน้องแมนยู และภรรยาที่อยู่บ้านไปจับปลาที่มีญาติสูบสระไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากจับปลาได้นำอุปกรณ์ใส่ท้ายรถ พร้อมปลาที่จับได้ขับรถกลับมาถึงบ้าน ก็เปิดประตูให้หลานลงจากรถ
หลังจากนำอุปกรณ์ทั้งหมดลงจากรถแล้ว ตนได้ขึ้นขับรถจะเคลื่อนไปจอดด้านหน้า เพื่อไม่ให้เกะกะ เมื่อออกรถไปเพียงเล็กน้อยเหมือนรถยนต์เหยียบสิ่งของแต่กำไม่เอะใจอะไร
พอดับเครื่องรถ ก็ได้ยินเสียงภรรยาร้องตะโกนลั่น ว่าขับรถทับหลาน เมื่อเหลือบมองเห็นหลานน้อยนอนคว่ำอยู่ จึงรีบนำหลานส่งโรงพยาบาลสตึก แต่ไม่ทัน หลานได้เสียชีวิตระหว่างทาง
ส่วนตัวรู้สึกเสียใจมากไม่นึกไม่ฝันจะมาเกิดเหตุการณ์กับหลานน้อยด้วยตนเอง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
ด้านนางสำราญ ลำโกณา อายุ 48 ปี ยายน้องแมนยู หลังจากขนของลงจากรถ ก็เห็นหลานวิ่งเดินเล่นตามปกติ ช่วงเกิดเหตุตนเห็นหลานวิ่งตามรถตา ก่อนรถจะเบียดหลานล้มลงแล้วเหยียมน้องแมนยูต่อหน้า
นางสำราญ เล่าด้วยว่า สงสารลูกสาว ที่เพิ่งมีลูกชายเพียงคนเดียว และอีกไม่นานก็จะเป็นครู เพราะเรียนเป็นปีสุดท้าย กำลังฝึกสอนที่โรงเรียนสตึก จะสิ้นสุดฝึกสอนเดือนมีนาคมนี้ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแบบไม่คาดคิดดังกล่าว
ข่าว-ภาพ วันชัย ผิวอร่าม / วาทิตย์ แสนธุปี ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์