พัทลุง คณะครูนักเรียนร้องกรรมการสถานศึกษาทบทวนเด็กกิจกรรมไม่มีสิทธิ์เรียนต่อโรงเรียนดังประจำจังหวัด
1 min readวันที่ 10 มีนาคม 2563 นายวิชิต จันทรโชติกุล ครูชำนาญการโรงเรียนพัทลุง หรือที่รู้จักกันในนาม ครูถัง พร้อมด้วยคณะครู นักเรียน จำนวน 50 คน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายบันเทิง วรศรี ประธานกรรมการสถานศึกษา โรงเรียนพัทลุง ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อให้เป็นคนกลางในการประสาน แก้ปัญหาเรื่องนักเรียนกิจกรรมไม่มีสิทธิ์เรียนต่อ โดยเรียกร้องให้ทางโรงเรียนคงนโยบายการรับนักเรียน ม 3 เดิม ที่เป็นนักเรียนกิจกรรม และนักเรียนกลุ่มที่ทำคุณประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชนเข้ารับการศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 ประจำปีการศึกษาที่ 2563
ครูถัง กล่าวว่า จากการที่ ทางโรงเรียน ออกนโยบายเกณฑ์กำหนดหลักเกณฑ์การรับ นักเรียนชั้น ม 3 เข้าศึกษาต่อ ม.4 โรงเรียนพัทลุง ปี 2563 กำหนดคุณสมบัติเกณฑ์ขั้นต่ำ ที่ระดับผลการเรียน 2.50 ขึ้นไป นั้นได้ส่งผลกระทบต่อสิทธิ์ของนักเรียน ที่ทำกิจกรรม และทำคุณประโยชน์ให้กับทางโรงเรียนและชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนและคณะครูที่เดินทางมาในวันนี้ มองว่าเกณฑ์ดังกล่าวไม่สอดคล้องกับนโยบายการรับนักเรียน ตามศักยภาพของผู้เรียนอย่างแท้จริง โดยนักเรียนกลุ่มดังกล่าวเป็นผู้มีศักยภาพและทักษะ และสมรรถนะทางวิชาชีพ อย่างหลากหลาย ควรที่จะได้รับการดูแลสนับสนุนส่งเสริมตามกระบวนการจัดวางตัวบุคคลและต่อยอดในทักษะวิชาชีพที่ถนัดในอนาคตตามแนวปฏิบัติเดิมที่ ทางโรงเรียน ดำเนินการมานานกว่า 20 ปี
ด้านนางเตือนใจ วิโสจสงคราม อายุ 56 ปี อาจารย์กลุ่มสุขศึกษาและพละศึกษา หัวหน้างานลูกเสื่อ โรงเรียนพัทลุง กล่าวทั้งน้ำตาว่า สาเหตุที่ได้รวมตัวกันในวันนี้มาเพราะความไม่สบายใจเรื่องของนักเรียนที่ทำกิจกรรมให้ทาง โรงเรียนเพราะโดนธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาของทุกปี ยกตัวอย่างเมื่อปีที่ผ่านมา โรงเรียนจะรับนักเรียนเก่าเพื่อเข้ารับการศึกษาต่อในชั้น ม 4 เกรดเฉลี่ย ที่ 2.00 ขึ้นไปแต่มีข้อยกเว้นให้นักเรียนที่ทำกิจกรรม ซึ่งเกรดเฉลี่ตั้งแต่ 1.50 – 2.00 โดยให้คุณครูที่ควบคุมนักเรียนในแต่ละกิจกรรมเป็นผู้เซ็นรับรอง และจะได้รับการพิจารณาตั้งแต่รอบแรก แต่พอมาปีนี้ การดูแลนักเรียนที่ทำกิจกรรมในกลุ่มที่ว่ามันหายไป
ซึ่งขณะนี้ยังมีเด็กกิจกรรมที่ไม่มีชื่อในสิทธิเข้าเรียนเนื่องจากเกรดเฉลี่ยไม่ถึง 2.00 อีกจำนวนหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้รอบแรก ทาง ผู้อำนวยการโรงเรียนได้กำหนด เกรดเฉลี่ของนักเรียน ที่ 2.50 จึงจะเข้าเรียนได้ แต่ต่อมาได้ขยายกรอบในรอบสองคือ เด็ก จะต้องมีเกรดเฉลี่ยที่ 2.00 แต่มีเงื่อนไขว่าไม่ได้ดูแลเฉพาะเด็กกิจกรรม แต่ จะดูแลเด็กทุกคนที่เป็น เด็ก ม.3 เก่าของโรงเรียน ซึ่งทำให้ในรอบ สอง มีเด็กที่มีสิทธิ์ เข้าเรียนเพิ่มมาอีก 35 คน และใน 35 คน นี้ ก็มีเด็กกิจกรรมได้ใช้สิทธิ์ ไปส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังเหลือเด็กกิจกรรม ที่ทำเกรดไม่ถึง 2.00 อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับการดูแลเหมือนเดิม ทั้งที่เด็กกิจกรรมคือกลุ่มเด็กที่เสียสละ ต้องใช้เวลาส่วนหนึ่งไปทำงานเพื่อส่วนรวมและสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนเสมือนเด็กวงโย ในช่วงการการแข่งขันกีฬา เด็ก ก็ต้องออกทำกิจกรรมบ่อยครั้ง ซึ่งเด็กนอกเหนือจากทำกิจกรรมแล้วก็ต้องมาทำงานในเรื่องเรียนทีหลัง ซึ่งเด็ก ๆ ในกลุ่มนี้ก็เป็นภาระเพิ่มขึ้นของเด็กอยู่แล้ว ในเมื่อเด็กทำความดี โรงเรียนก็ควรจะดูแลเด็กนักเรียนเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา
ในขณะที่น้องยอด นักเรียนชั้น ม 5 ตัวแทนเด็กนักเรียนที่เดินทางมาร่วมยื่นหนังสือเรียกร้องกล่าวว่า กล่าวว่า จากเดิมทางโรงเรียนเคยให้สิทธิ์ เด็กกิจกรรม เพื่อเข้าเรียนต่อทุกปี แต่ปีนี้ ทาง โรงเรียนมากำหนดเกรดเฉลี่ยของเด็กที่มีสิทธิ์ เข้าเรียน อยู่ที่ 2.50 ทั้งที่ในความเป็นจริงนักเรียนที่ทำกิจกรรมต้องแบ่งเวลาในการทำกิจกรรมควบคู่กับการเรียนในบางครั้ง เด็กนักเรียน ต้องทำกิจกรรมหลายอย่าง ทำให้มีเวลาที่จะไปทำการบ้านหรือทบทวนการเรียนมีน้อยลง ทำให้ผลการเรียนไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นหลายคนอาจจะมีเกรดการเรียนที่ลดลง เลยต้องการให้ ผู้อำนวยการโรงเรียนได้คำนึงถึงเด็กกลุ่มที่ทำกิจกรรมให้กับทางโรงเรียนด้วย “หนูขอความกรุณาให้ทางผู้อำนวยการได้คำนึงถึงน้อง ๆ ในกลุ่มนี้ เพราะแม้ว่าน้อง ๆ จะเรียนไม่เก่ง แต่น้องๆ ก็ทำกิจกรรมให้ทางโรงเรียน”
ในขณะที่ นายบันเทิง วรศรี ประธานกรรมการสถานศึกษา กล่าวหลังรับคำร้องเรียนว่า เบื้องต้นจะเร่งประชุมกรรมการสถานศึกษาร่วมกับ ผู้อำนวยการ คณะครูในโรงเรียนพัทลุง รวมทั้งตัวแทนเด็กนักเรียนภายในอาทิตย์นี้ เพื่อหารือและร่วมกับแก้ปัญหาที่เกิดเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อนักเรียน ต่อไป