สมุทรสาครตั้งด่าน 4 จุด สกัดไวรัสโควิด-19
1 min readตามที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด หลังมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยขอให้จังหวัดถือปฏิบัติตามประกาศ แถลงการณ์ คำสั่ง และข้อกำหนด โดยให้จัดทำคำสั่งมอบหมายเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารในพื้นที่ ร่วมกันตั้งด่านตรวจหรือจุดสกัด เพื่อดูแลการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัด จัดระเบียบการเดินทางการจราจร การเฝ้าระวัง หรือสังเกตผู้เดินทางและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดต่อโรค ตั้งแต่เมื่อเวลา 00.01 น. ของวันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นไปนั้น
ในส่วนของพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ภายใต้คำสั่งการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด,รอง ผอ.รมน.สมุทรสาคร,ปลัดจังหวัด นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรทางสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งด่านคัดกรองสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 บนถนนสายสำคัญ 3 เส้นทางหลักด้วยกัน คือ ถนนพระราม 2 ขาเข้า – ขาออก,ถนนเพชรเกษม ขาเข้า และ ถนนพระประโทน รวมจำนวนทั้งหมด 4 จุด ประกอบด้วย จุดที่ 1 บริเวณถนนพระรามที่ 2 บริเวณ จุดบริการตำรวจทางหลวงเอกชัย (มหาชัยเมืองใหม่) อ.เมืองสมุทรสาคร ฝั่งขาออกกรุงเทพฯ,จุดที่ 2 บริเวณด่านชั่งศรีสำราญ ถ.เพชรเกษม อ.กระทุ่มแบน,จุดที่ 3 บริเวณหน้า รพ.บ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว และ จุดที่ 4 บริเวณด่านตำรวจทางหลวงนาโคก ถนนพระรามที่ 2 ขาเข้ากรุงเทพฯ โดยให้จุดตรวจทั้ง 4 จุดนี้ อยู่ภายใต้การประสานของ พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และหากพบปัญหา อุปสรรค ข้อขัดข้อง หรือเหตุการณ์สำคัญให้รีบรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดโดยด่วน
สำหรับด่านหรือจุดตรวจจุดสกัดที่ตั้งนั้น เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องดำเนินการด้านการบันทึกประวัติข้อมูลตามบัตรประชาชนของผู้ที่เดินทางผ่าน , การตรวจคัดกรองโรคด้วยการวัดอุณหภูมิร่างกายของทุกคนที่อยู่ในรถ , การบังคับสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาแม้ขณะอยู่ในรถ,การเว้นระยะห่างการนั่ง,รวมถึงการสร้างจิตสำนึกในการใช้เจลหรือแอลกฮอล์ล้างมือบ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีการแจกหน้ากากอนามัยแบบผ้าให้กับผู้ที่ไม่มีสวมใส่ด้วย ทั้งนี้หากพบใครที่มีอุณหภูมิร่ายกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ก็จะมีการทำประวัติไว้แล้วแจ้งให้รีบไปตรวจร่างกายทันที หรือถ้าเป็นบุคคลต้องสงสัยว่าอาจจะนำเชื้อโควิด-19 ไปแพร่กระจายได้นั้น ก็จะต้องกักตัวไว้ พร้อมแจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือบุคลากรทางการแพทย์มารับตัวไป