ศรีสะเกษ จัดพิธีถวายพวงมาลา และถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหาธีรราชเจ้า เนื่องในวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
1 min readเมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ในนามผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีถวายราชสดุดี ถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ และวางพวงมาลา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหาธีรราช องค์พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย เนื่องในวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า โดยมี ว่าที่ ร.ต.ดร.ทวีศักดิ์ นามศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 เป็นผู้กล่าวรายงาน ซึ่งมีผู้บังคับบัญชาลูกเสือ กองลูกเสือ เนตรนารี จากโรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ลูกเสือชาวบ้าน และจิตอาสา เราทำดีด้วยหัวใจ จำนวนประมาณ 825 คน เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้
ว่าที่ ร.ต.ดร.ทวีศักดิ์ นามศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 ในนามผู้อำนวยการสำนักงานลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 กล่าวว่า ด้วยในวันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ได้กำหนดให้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของคณะลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคต แห่งพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหาธีรราช พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย ตามประเพณีที่ปฏิบัติ จะมีลูกเสือ เนตรนารี ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความกตัญญูกตเวทีตาธรรม ด้วยการประกอบพิธีถวายบังคม และถวายราชสดุดี รวมทั้งการบำเพ็ญประโยชน์ของลูกเสือ เนตรนารี ตามท้องถิ่นที่อยู่อาศัย สถานศึกษา ศาสนสถาน และสถานที่สาธารณะ เพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่พระองค์ท่าน และเพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดพระเกียรติแด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหาธีรราช พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย จากนั้น ได้มอบเกียรติบัตรให้กับกองลูกเสือ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
ภาพ/ข่าว บุญทัน ธุศรีวรรณ