คนไทยเฮ! ผลวิจัยชี้ชัด ฟ้าทะลายโจร ฆ่าเชื้อโควิด ได้โดยตรง
1 min readวันที่ 19 เมษายน 63 นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการศึกษาวิจัยฟ้าทะลายโจรที่มีต่อเชื้อโควิด19 ว่า
เป็นที่ทราบกันดีว่าฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์สำคัญ 4 อย่าง คือ 1)กระตุ้นภูมิคุ้มกัน 2)ต้านไวรัส 3)ต้านการอักเสบ และ 4)ลดไข้ ซึ่งมีงานวิจัยมานานแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 10 ปีก่อนที่มีโรคซาร์สระบาด จีนได้ศึกษาวิจัยว่าสามารถต้านไวรัสโคโรนาซาร์สได้ และจีนได้พัฒนาฟ้าทะลายโจรเป็นยาฉีดร่วมการรักษาโรคโควิด-19
สำหรับประเทศไทย กรมแพทย์แผนไทย ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศึกษาฤทธิ์ของฟ้าทะลายโจรในหลอดทดลองเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งพบว่า ในหลอดทดลองได้ผลดีในการยับยั้งไวรัสโควิด แต่ต้องมาคำนวณว่าระดับของยาที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไร
นพ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า กรมฯจึงมีแผนดำเนินงาน 2 เรื่องคือ ศึกษาวิจัยนำร่องผลของยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรขนาดสูงต่อผู้ป่วยโรคโควิด-19 ระดับความรุนแรงน้อย ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และองค์การเภสัชกรรม และศึกษาในสถาบันบำราศนราดูร ใช้ระยะเวลา 4 เดือนในการหาคำตอบ จะวิจัยในคนไข้กลุ่มน้อยๆ ก่อน กลุ่มละ 6 คน
กลุ่มแรก ใช้ยาสารสกัดที่เป็นระดับสูง 3 เท่าของโดสปกติ ให้ครั้งละ 60 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง รวม 180 มิลลิกรัมต่อวัน กลุ่มสองประมาณ 5 เท่าในการใช้ปกติ ให้ครั้งละ 100 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง นาน 5 วัน และดูผลลัพธ์ว่าคนไข้จะหายหรือไม่ ระยะเวลาเจ็บป่วยเป็นอย่างไร ดูผลในห้องปฏิบัติการ และความรุนแรงของโรค และเภสัชจลศาสตร์
“ปัจจุบันคนหาใช้ฟ้าทะลายโจรเยอะมาก ตอนนี้เราเตรียมความพร้อมหาฟ้าทะลายโจรให้เพียงพอความต้องการของตลาดใน 3 ส่วน คือ
1.เกษตรกรผู้ปลูก ร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร เตรียมปลูกฟ้าทะลายโจรใช้ทำเป็นยา ตั้งเป้าประมาณ 65 ไร่ในความต้องการ 5 หมื่นกิโลกรัม สร้างรายได้ 6 ล้านบาท
2.สถานพยาบาล เตรียมสนับสนุนยาฟ้าทะลายโจรบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานกับโควิด 1 ล้านแคปซูล ส่วน รพ.ที่ผ่านมาตรฐาน WHO GMP 44 แห่งมีปริมาณยาฟ้าทะลายโจร 9.2 ล้านแคปซูล รองรับผู้ป่วย 1.9 แสนคน มีกำลังการผลิต 2.6 ล้านแคปซูลต่อวัน
และ 3.ภาคธุรกิจ เชิญบริษัทที่ผลิตสารสกัดฟ้าทะลายโจรได้” นพ.ปราโมทย์ กล่าว
ด้าน ดร.สุภาพร ภูมิอมร ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทำการทดลองศึกษาว่า ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 หรือไม่
ทั้งนี้ การจะบอกว่าพืชสมุนไพรสามารถทำลายไวรัสชนิดใดชนิดหนึ่งได้ ต้องทราบก่อนว่ากลไกในการทำลายไวรัสนั้นใช้กลไกอะไร เพาะฉนั้นจึงวางแผนเป็น 3 การทดลอง คือ
1.นำฟ้าทะลายโจรมาใส่ลงในเซลล์เพาะเลี้ยงที่เป็นเซลล์เป้าหมายที่จะให้ไวรัสติดเชื้อ จากนั้นนำไปอบที่อุณหภูมิ 37 องซาเซลเซียสนาน 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นอุณหภูมิร่างกายปกติ เพื่อให้เซลล์เจริญต่อไปได้ และไม่ทำลายฤทธิ์ของสมุนไพร แล้วใส่ไวรัสเข้าไป และอบอีกครั้งหนึ่งเพื่อดูว่า เซลล์เมื่อได้รับฟ้าทะลายโจรแล้วสามารถชักนำให้สร้างสารที่จะไปยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัสได้หรือไม่
2.เอาฟ้าทะลายโจรมาผสมกับไวรัสโควิด-19 โดยตรง แล้วดูว่าหลังจากนั้นเมื่อนำเข้าไปในเซลล์แล้วไวรัสจะเพิ่มจำนวนในเซลล์ได้หรือไม่ คือ ดูกลไกของฟ้าทะลายโจรว่าฆ่าไวรัสได้โดยตรงหรือไม่
3.เอาไวรัสเข้าไปในเซลล์เป้าหมายเลย และใส่อาหารเลี้ยงเซลล์ที่ผสมฟ้าทะลายโจร ในระดับความเข้มข้นต่างๆ แล้วดูว่า ฟ้าทะลยโจรมีผลในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัสในเซลล์หรือไม่
จากการทดลองทั้ง 3 รูปแบบสามารถสรุปผลได้ว่า การทดลองแบบแรกพบว่า ไวรัสยังสามารถเจริญเพิ่มจำนวนได้ แสดงว่าฟ้าทะลายโจรไม่สามารถไปชักนำให้เซลล์เพาะเลี้ยงหลั่งสารอะไรที่ไปยับยั้งไวรัสในเซลล์ได้
ส่วนแบบที่สองพบว่าปริมาณเชื้อไวรัสลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยทำการศึกษาสารสำคัญ คือ สารเอนโดนกราโฟไลด์ เห็นได้ชัดว่าฟ้าทะลายโจรสามารถยับยั้งหรือฆ่าไวรัสได้โดยตรงในหลอดทดลอง และแบบที่ 3 คือไวรัสเข้าไปในเซลล์แล้ว การกินพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร สามารถยับยั้งให้ไวรัสไม่เพิ่มจำนวนในเซลล์ได้
สรุปว่าการทดลองแบบที่สองและสาม ฟ้าทะลายโจรมีผลในการยับยั้งไวรัสโดยตรง คือ ฆ่าไวรัสโดยตรง และยับยั้งไม่ให้ไวรัสเพิ่มจำนวนในเซลล์
ดังนั้น การที่มีขายฟ้าทะลายโจรในท้องตลาดและแนะนำให้กินฟ้าทะลายโจรก่อนมีการติดเชื้อโควิดอาจจะต้องมีข้อแนะนำ อย่างไรก็ตาม ตรงนี้เป็นการศึกษาทดลองเบื้องต้นในหลอดทดลอง แต่การจะบอกว่าฟ้าทะลายโจรมีผลต่อคนไข้จริงๆ ก็ต้องมีการศึกษาต่อไป
ทางด้าน ภญ.อัญชลี จูฑะพุทธิ ที่ปรึกษากรมการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า คำแนะนำในการใช้ฟ้าทะลายโจร จากผลการทดลองของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะเห็นว่าวิธีแรก คือ อาจไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ ดังนั้น
1.ไม่ควรกินยาฟ้าทะลายโจรเพื่อหวังผลป้องกันโรคโควิด-19 โดยที่ยังไม่มีอาการ
2.เมื่อมีอาการคล้ายหวัด ได้แก่ ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศีรษะ ควรกินยาฟ้าทะลายโจรทันที และต้องป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่คนใกล้ชิด จากประสบการณ์พบว่ายิ่งกินเร็วยิ่งดี
3.หากกินยาฟ้าทะลายโจรแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วันให้พบแพทย์
4.ควรมียาฟ้าทะลายโจรประจำตัวประจำบ้าน หรือปลูกฟ้าทะลายโจรไว้ที่บ้าน 5.หากมีข้อสงสัยให้สอบถามกรมการแพทย์แผนไทยฯ 0-2149-5678
“การใช้ยาฟ้าทะลายโจรมี 2 รูปแบบ คือ ยาจากผงฟ้าทะลายโจร ให้รับประทานครั้งละ 4 แคปซูล วันละ 4 ครั้งหลังอาหารและก่อนนอน ได้ปริมาณผงยา 6 พันมิลลิกรัมต่อวัน และยาจากสารสกัดฟ้าทะลายโจร มีแบบบรรจุ 10 มิลลิกรัมต่อแคปซูล และ 20 มิลลิกรัมต่อแคปซูล
เพราะฉะนั้นจะต้องกินครั้งละ 2 แคปซูลสำหรับ 10 มิลลิกรัม หรือ 1 แคปซูลสำหรับ 20 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน จะได้ปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ประมาณ 60 มิลลิกรัมต่อวัน” ภญ.อัญชลี กล่าว