ชลบุรี ไฟไหม้โรงงานผลิตถ่านอัดก่อนที่ทำจากขี้เลื่อย โดยเพลิงได้รุกรามเข้าไหม้รถตักและเครื่องมือ จนได้รับความเสียหาย (มีคลิป)

ที่ชลบุรี เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานผลิตถ่านอัดก่อนที่ทำจากขี้เลื่อย โดยเพลิงได้รุกรามเข้าไหม้รถตักและเครื่องมือ จนได้รับความเสียหาย โชคดีที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำสกัดได้ทันก่อนจะโหมไหม้วอดหมดทั้งโรงงาน ส่วนสาเหตุเกิดจากประกายไฟจากสายไฟ กระเด็นหล่นลงมาใส่ขี้เลื่อย ที่กองอยู่บนรถพ่วง จากนั้นไหม้ลุกลาม เกิดไฟลุกไหม้

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 26 เมษายน 2563 พ.ต.ท.นันทพล นาในบุญ สารวัตร(สอบสวน) สภ.พนัสนิคม ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างเหตุบ้านทุ่งเหียง พนัสนิคม ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ โรงงานผลิตถ่านอัดแท่ง ในพื้นที่ตำบลวัดหลวง หลังรับแจ้งจึงประสานไปยังเทศบาลพนัสนิคม และเทศบาลใกล้เคียง เพื่อขอกำลังรถดับเพลิงสนับสนุน โดยในที่เกิดเหตุ เป็น บริษัท นิภานะเอนเนอจี จำกัด เลขที่ 39/19 ม. 5 ต.วัดหลวง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เป็นโรงงานรับซื้อขี้เลื่อยอัดถ่านเม็ด เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ อยู่ข้างถนนสายพนัสนิคม – ฉะเชิงเทรา ห่างจากตัว อ.พนัสนิคม ราว 5 กิโลเมตร

เบื้องต้นในที่เกิดเหตุพบกลุ่มควันไฟสีดำพวยพุ่งเต็มท้องฟ้า และประกายเพลิงกำลังลุกไหม้เศษวัสดุภายในโรงงานที่สร้างเป็นโกดังขนาดใหญ่และยังพบไฟไหม้เศษขี้เลื่อยบนรถพ่วงที่จอดอยู่ข้างใน และเพลิงยังลุกลามออกไปข้างโกดังลุกไหม้รถตักและเครื่องยนต์ด้านนอกจนได้รับความเสียหาย ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมรถดับเพลิง ทั้งหมด 17 คัน ต้องเร่งระดมช่วยกันฉีดน้ำสกัดกั้นเพื่อไม่ให้เพลิงลุกลาม แต่ก็เป็นไปได้ยากเพราะเนื่องจากเพลิงได้ลุกไหม้ขี้เลื่อยและแผ่นไม้อัดจำนวนมาก ที่อยู่ภายในโรงงานซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลาในการฉีดน้ำสกัดเพลิงประมาณ กว่า 1 ชั่วโมง ก็สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้

สอบถามนายบัญญัติ ซึ่งเป็นคนงานที่ดูแล ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงหม้อแปลงระเบิด เห็นสะเก็ดไฟจากสายไฟฟ้าด้านบนของโกดัง ปะทุและร่วงลงมาใส่กองขี้เลื่อยจากนั้นก็เกิดเพลิงไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงรีบวิ่งหนีเอาตัวรอดและขอความช่วยเหลือโชคดีที่ในขณะเกิดเหตุไม่มีคนทำงานเพราะเป็นวันหยุด จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปถึงสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ ต้องรอ ให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานภาค 2 ชลบุรี เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงส่วนมูลค่าความเสียหายคาดว่าหน้าจะไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท

ภาพ/ข่าว นนทพันธ์ พนัสนิคม