ท่านเห็นด้วยหรือไม่? หากข้าราชการครูหรือข้าราชการทำผิดในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ควรถูกไล่ออกจากราชการ และดำเนินคดีทางอาญาให้ถึงที่สุด ไม่ใช่แค่ผิดวินัยเฉยๆ
1 min read
Facebook สุวรรณ บัวโรยโพสต์ ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่เกิดคดีข่มขืนกระทำชำเราเกิดขึ้นในฐานะที่เป็นเลขาฯอนุกรรมาธิการ
คณะอนุกรรมาธิการศึกษากระบวนการยุติธรรมและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ ได้โพสต์ข้อความเพื่อให้บุคคลแสดงความคิดเห็นในการแก้ไขกฎหมายว่าสมควรจะให้ดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดคดีข่มขืนกระทำชำเราอย่างไร จากกฎหมายเดิมที่ผ่านมาหากข้าราชการครูกระทำความผิดแล้วและมีการจดทะเบียนสมรสกันภายหลังจะไม่ถูกดำเนินคดีวินัยร้ายแรง ทางคณะอนุกรรมาธิการจึงเสนอให้มีความผิดวินัยร้ายแรง หลังจากที่มีการโพสต์ข้อความไปก็มีบุคคลแสดงความคิดเห็นมากกว่า 90% ให้ความเห็นว่าควรจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและให้ไล่ ออกจากราชการ
ท่านเห็นด้วยหรือไม่หากข้าราชการครูหรือข้าราชการทำผิดในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราควรถูกไล่ออกจากราชการ และดำเนินคดีทางอาญาให้ถึงที่สุด ไม่ใช่แค่ผิดวินัยเฉยๆ
ในฐานะที่ผมนายสุวรรณ บัวโรย เป็นเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการศึกษากระบวนการยุติธรรมและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ ขอความเห็นด้วยครับครูกระทำผิดข่มขืนกระทำชำเราควรไล่ออก กด1 ไม่เห็นด้วย กด 2 หรือมีความเห็นอื่นกรุณาตอบแสดงความเห็นด้วยครับขอบคุณครับ
จากกรณีมีการข่มขืนกระทำชำเราเกิดขึ้นในสถานศึกษา โดยมีครู ซึ่งเป็นแม่พิมพ์ของชาติมีการล่วงละเมิดทางเพศ ผู้อื่น ทั้งเป็นข้าราชการด้วยกันหรือเป็นเด็กนักศึกษาหรือบุคคลทั่วไป เบื้องต้นแล้วทางกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดพิจารณาศึกษามาตรการเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการครูคณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา กรณีการล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียนการดำเนินการทางวินัย ในกรณีของครูชายโสดที่มีพฤติการณ์ร่วมประเวณีกับสตรีโสด ที่เป็นการข่มขืน แต่เมื่อมีการแสดงความรับผิดชอบโดยการจดทะเบียนสมรส ซึ่งเป็นกรณีคู่กรณีตกลงยินยอมจดทะเบียนสมรสด้วย ผลการตัดสินโทษทางวินัยอยู่ในกรณีความผิดไม่ร้ายแรง แต่กรณีดังกล่าวไม่ถือเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณา เพราะคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จะพิจารณาถึงข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ความร้ายแรงเป็นกรณีไป จากกรณีดังกล่าวควรพิจารณาเจตนาแห่งการกระทำซึ่งเป็นการกระทำความผิดข่มขืนตามประมวลกฎหมายอาญาซึ่งถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดินที่ไม่สามารถยอมความได้ ดังนั้น ในการพิจารณาดำเนินการทางวินัยจึงควรถือว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นกรณีกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และควรมีมาตรฐานการลงโทษในบทหนักที่สุด
ทางคณะอนุกรรมาธิการศึกษากระบวนการยุติธรรมและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศมีแนวทางการพิจารณาโทษข้าราชการครูกระทำผิดวินัย กรณีประพฤติชั่วทางเพศ ซึ่งคู่กรณีเป็นครูชายโสดกับสตรีโสด โดยมีพฤติกรรมคือ ร่วมประเวณีโดยข่มขืนแล้วจดทะเบียนสมรส แนวทางพิจารณาโทษข้าราชการครูกระทำผิดวินัยโดยกำหนดระดับความผิดไว้ว่าไม่ร้ายแรง ซึ่งการพิจารณาปรับความผิดในพฤติกรรมดังกล่าว ควรปรับระดับความผิดเป็นร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญาที่ถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดินที่ไม่สามารถยอมความได้
ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการควรปรับปรุงแนวทางการพิจารณาโทษข้าราชการครูกระทำผิดวินัยในพฤติการณ์ดังกล่าวให้ถือว่ามีระดับความผิดร้ายแรงและระดับโทษเป็นปลดออกหรือไล่ออก โดยให้นำแนวทางพิจารณาดังกล่าวไปใช้กับหน่วยงานราชการทุกหน่วยงาน โดยปรับบทความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ๒. กระบวนการดำเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งจะมีการสืบสวนหรือพิจารณาเบื้องต้น หากกรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำความผิด โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยในกรณีกระทำความผิดวินัยไม่ร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๒๔ และมาตรา ๙๘ วรรคหนึ่ง และกรณีกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๕๓ ดังนั้น การพิจารณาแต่งตั้งบุคคลเพื่อเป็นคณะกรรมการสอบสวน ควรมีการออกระเบียบหรือกฎเพื่อเป็นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งบุคคลเป็นคณะกรรมการโดยคำนึงถึงสัดส่วนกรรมการสอบสวนวินัยให้มีนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ หรือครูแนะแนว เข้าร่วมเป็นกรรมการในการพิจารณาสอบสวนด้วย
๓ ควรมีการเผยแพร่บทสรุปของผลการดำเนินการทางวินัยในการกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างให้สังคมได้รับทราบและตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น