ผอ.สถานพินิจฯศรีสะเกษ เผยห่วงเด็กและเยาวชน หลังพบถูกจับคดียาเสพติดพุ่งสูงถึงร้อยละ 80 อึ้ง!! อายุต่ำสุด 12 ปี
1 min readเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 63 นายพิทักษ์ พันธมาศ ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 62 – 20 พ.ค. 63 สถานพินิจฯ จ.ศรีสะเกษ มีจำนวนคดีที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนหลงผิดเข้ามาทั้งสิ้น จำนวน 540 คดี แยกเป็นคดียาเสพติดโดยตรง จำนวน 328 คดี หรือคิดเป็นร้อยละ 60.74 รองลงมาเป็นข้อหาเกี่ยวกับทรัพย์ และ พ.ร.บ.จราจร ร้อยละ 11.11 ส่วนข้อหาอื่นๆถ้าลงรายละเอียดเชิงลึกแล้วจะพบว่า คดีอื่นๆก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจำนวนมากเช่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่ข้อหายาเสพติดโดยตรง ซึ่งถ้ารวมเข้ากับข้อหายาเสพติดโดยตรงก็จะสูงถึงร้อยละ 80 ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าห่วง อีกทั้งยังพบว่าเด็กและเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเริ่มมีอายุน้อยลง ในช่วงอายุ 12-17 ปี จะเห็นได้ว่าเด็กอายุ 12 ปี ก็ถูกจับในข้อหาคดียาเสพติดแล้ว
ทั้งนี้ส่วนใหญ่ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากปัญหาด้านเศรษฐกิจ ครอบครัวขาดความอบอุ่น พ่อแม่ดูแลไม่ทั่วถึง ต้องออกไปหาทำงานรับจ้างแล้วปล่อยให้ลูกหลานอยู่กับ ปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ทำให้การดูแลเอาใจใส่อาจจะไม่ทันต่อวัยของเด็กและเยาวชน เพราะต้องไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนบ้าง กลุ่มรุ่นพี่ที่เขาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอยู่แล้วบ้าง แล้วชักชวนให้เข้ามาทดลองเสพยาเสพติด ด้วยความอยากรู้อยากลองของเด็ก เมื่อเด็กไปลองเข้า ก็จะถูกใช้เป็นเครื่องมือ ไปวิ่งรับ-ส่งยาเสพติด พอเด็กมีรายได้บ้าง เด็กก็คิดว่าหาเงินง่าย ก็เลยเข้าไปสู่กระบวนการที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในหลากหลายรูปแบบ จากการสอบถามเด็กบางคนที่ถูกจับคดียาเสพติดส่วนหนึ่งพบว่าถูกใช้ให้เป็นสายของเจ้าหน้าที่ ซึ่งน่าเสียดายอนาคตของเด็กที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
อย่างไรก็ตามปกติแล้วสถานพินิจฯ จะมีเจ้าหน้าที่ออกไปให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาเป็นประจำ เป็นโครงการโรงเรียนยุติธรรมอุปถัมภ์ เข้าไปดูแลให้ความรู้เพื่อป้องกันปัญหายาเสพติดในวัยเด็ก พร้อมตรวจเช็คสแกนหาเด็กสุ่มเสี่ยงของปัญหาดังกล่าว เพื่อเข้าไปให้คำแนะนำ ซึ่งเด็กเหล่านี้ก็จะสามารถป้องกันได้
ด้าน ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า กรรมการสงเคราะห์ฯ มีหน้าที่ต้องแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู พัฒนาและสงเคราะห์เด็กกระทำผิด ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีจนสามารถกลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างปกติสุข แต่ปัจจุบันพบว่าเด็กกระทำผิดมีมากขึ้นทุกวัน ทั้งคดีลักทรัพย์ คดีทำร้ายร่างกาย แต่ส่วนมากเป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเมื่อถามเด็กก็ได้คำตอบว่าเป็นวิธีหาเงินได้ง่ายที่สุด ดังนั้นทางกรรมการสงเคราะห์ฯ จึงต้องเข้าไปอบรมและให้กำลังใจ ให้เด็กกลับตัวกลับใจเป็นคนดีให้ได้ รวมทั้งช่วยจัดสวัสดิการต่างๆให้ หาแหล่งให้เรียน และเฝ้าระวังป้องกันเด็ก แม้ศาลสั่งปล่อยตัวก็ต้องไปติดตามดูแลสภาพความเป็นอยู่และหาทางช่วยให้เขาประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงตัวเอง และครอบครัวได้ จะได้ไม่ให้หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก เรื่องเด็กเยาวชนถือเป็นอนาคตของชาติจึงอยากวิงวอนให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลกวดขันอย่างจริงจัง
ข่าว/ภาพ บุญทัน ธุศรีวรรณ