ละหมาดฮารีรายอ วิถีชีวิตใหม่มุสลิมนรา หลังโควิดระบาด (มีคลิป)
1 min readรายงานข่าวเกี่ยวกับบรรยากาศวันตรุษอีดิลฟิตรี ประจำฮิจเราะห์ศักราช 1441 หรือ วันฮารีรายอ ซึ่งถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม จากพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แจ้งว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก และนางสุชาดา พันธุ์นรา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ได้ร่วมกันจัดเตรียมสนามฟุตบอลกีฬามหาราช เพื่อรองรับพี่น้องชาวไทยมุสลิมทั้งชายและหญิง จำนวนกว่า 2,400 คน เดินทางมาประกอบพิธีละหมาด ซึ่งถือว่าเป็นการปฎิบัติศาสนกิจ ที่มีความสำคัญต่อชาวไทยมุสลิมเป็นอย่างมาก ด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่และติดเชื้อระบาดของไวรัสโควิด 19 ซึ่งถือว่าเป็นวิถีชีวิตใหม่ หรือ NEW NORMAL ที่ประชาชนทุกคนต้องร่วมกันปฏิบัติในการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาให้อยู่ในวงจำกัด
โดยเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดนประจำที่ว่าการ อ.สุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.สุไหงโก-ลก และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. จะยืนคุมและอำนวยความสะดวกที่บริเวณรายรอบของสนามฟุตบอลกีฬามหาราช ให้ประชาชนที่เดินทางมาประกอบพิธีละหมาด เข้าได้เพียง 3 ช่องทางเท่านั้น คือ ช่องทางที่ 1. ที่บริเวณหน้าประตูทางเข้า ช่องทางที่ 2. บริเวณทางเข้าใต้อัฒจรรย์ และช่องทางที่ 3. บริเวณทางเข้าด้านข้างของสนามเปตอง เพื่อเป็นการป้องกันการแออัดและระยะห่างทางสังคม ซึ่งทุกคนที่เดินทางเข้าไปประกอบพิธีละหมาด ต้องสวมหน้ากากอนามัย และผ่านการตรวจอุณหภูมิของร่างกาย ใช้เจลล้างมือ
และก่อนที่จะมีการประกอบพิธีละหมาดนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการจัดระยะห่างของบุคคลทางสังคม ซึ่งห่างกันคนละ 1.5 เมตร ตามจุดที่เจ้าหน้าที่ได้จัดทำเครื่องหมายกำหนดไว้ โดยยึดความปลอดภัยตามมาตรการการควบคุมโรค และจากการสังเกตการณ์ในการประกอบพิธีละหมาดในครั้งนี้มีนายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ หรือ ส.ส.บีลา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ เขต 2 จ.นราธิวาส ได้เดินทางมาร่วมประกอบพิธีละหมาดกับพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่เดินทางมาประกอบพิธีละหมาด จำนวน 1,800 คน ส่วนพี่น้องชาวไทยมุสลิมส่วนที่เหลือ ได้กระจายกันเดินทางไปประกอบพิธีละหมาดที่มัสยิดต่างๆในแต่ละพื้นที่ใกล้บ้าน โดยยึดหลักความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คอยจัดระเบียบให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมประชาชนที่เข้าร่วมละหมาดในมัสยิด ที่ทุกคนต้องตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกาย ใช้เจลล้างมือให้สะอาดก่อนเข้าไปลงชื่อนามสกุลพร้อมหมายเลขโทรศัพท์มือถือ โดยยึดความปลอดภัยตามมาตรการการควบคุมโรคเช่นกัน
แต่ถึงอย่างไรก็ตามประการสำคัญก่อนการประกอบพิธีละหมาด หรือ หลังประกอบพิธีละหมาดแล้วเสร็จ ไม่อนุญาตให้มีการสลามด้วยการสัมผัสมือ การสวมกอดและการแสดงออกที่สัมผัสด้วยการชนแก้มต่อกัน แต่การขอมาอัฟหรือการขออภัยซึ่งกันและกัน ที่ได้มีการล่วงเกินโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม โดยให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมแสดงออกด้วยการยกมือพร้อมกล่าวคำว่าสลามต่อกันเท่านั้น
นราธิวาส/ภาพ/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ