โซเชียลระอุ!! แห่แชร์คลิปสายตรวจตบหนุ่มขับ จยย. อ้างผ่าเคอร์ฟิว วงจรปิดจับภาพชี้ความจริง (มีคลิป)
1 min readกลายเป็นเรื่องเป็นราวของแวดวงสีกากีที่กลับมาสนั่นในโลกโซเชียลอีกครั้ง เมื่อมีผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ชื่อ Wanida Ritmintree ได้โพสต์คลิปภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าหมู่บ้าน เผยถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจนายหนึ่ง พร้อมกับเขียนข้อความว่า “ #ช่วยดูและพิจารณากันหน่อยน้ะค้ะทุกคน‼️‼️ ในคลิปจะอธิบายทุกอย่างเอง ส่วนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ให้ดูที่หมวกของตำรวจท่านนั้นได้เลย เพราะมั่นใจเลยว่าไม่ได้มีความผิดอะไร จำเป็นด้วยหรอที่ต้องหนี ถ้าจะเรียกตรวจค้นก็มาที่สว่างไม่ใช่ กลางซอยมืดๆ ไม่มีไฟ ไม่มีบ้านคน ตำรวจต้องทำกับประชาชนแบบนี้ก็ได้หรอค้ะ คืออีก 10 เมตรถึงบ้าน เรียกให้จอดกลางซอยมืด ๆ ไม่มีไฟสักดวงแล้วน้องชายไม่จอด เพราะน้องกลัวว่าจะโดนยัดยาเหมือนในข่าวที่เห็นๆกัน น้องเลยจะขับให้มาที่หน้าบ้าน แล้วตำรวจก็ชนแล้วลงไม้ลงมือ แบบนี้ ไม่ถามไม่พูดอะไรก่อนเลย เราเลยถามตำรวจนายนั้นว่าต้องทำกันแบบนี้เลยหรอ คุยกันดีๆถามกันให้รู้เรื่องก่อนไม่ได้หรอ เราบอกจะดูกล้องว่ากล้องเห็นไหม เขาก็โวยวายให้ไปดูกล้องเลยตำรวจนายนั้น บอกว่า.. #คุณเป็นใครไม่รู้ถ้าจะไปฟ้องร้องผมก็ไปฟ้องเลยแต่ผมก็จะฟ้องคุณกลับด้วยเหมือนกันไปเรียกคนที่รู้กฎหมาย มาเลย แต่เราสงสัยว่าจะฟ้องเราด้วยข้อหาอะไรเราแค่ถามทำไมต้องทำร้ายร่างกายกันด้วย พาไปป้อมตรวจก็ไม่ได้เจออะไร โดนแค่ข้อหา ขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ (มันร้ายแรงจนถึงขั้นลงไม้ลงมือไหมแค่ไม่กล้าจอดให้ตรวจในที่มืดไม่มีไฟ) #ฝากไว้นิดนึงน้ะค้ะว่าเวลาจริงกับเวลาในกล้องหมู่บ้านไม่ตรงกันเวลาในกล้องหมู่บ้านมันเร็วกว่าเวลาปกติ และยังไม่ถึงเวลาเคอร์ฟิวด้วยน้ะค้ะ. เกิดเหตุ วันที่ 1 มิ.ย 63 เวลาประมาณ 21:40 น. #รถคันที่2ที่เข้ามาจอดเป็นแค่อาสาแต่งตัวเหมือนตำรวจได้หรอค้ะ #วอนผู้รู้กฎหมายช่วยบอกทีว่าแบบนี้เกินไปไหมค้ะ ”
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.ของวันที่ 02 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวประสานไปยัง น.ส.วนิดา (มิ้น) ฤทธิ์มนตรี อายุ 22 ปี เจ้าของเฟสบุ๊คดังกล่าวและเป็นพี่สาวของวัยรุ่น 2 คน ที่อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกาย เพื่อขอสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งนางสาววนิดาฯ ก็ยินดีที่จะให้ข้อมูลและยังได้พาไปพบกับ นายปอนด์ อายุ 17 ปี (คนขับรถ จยย. ที่ถูกตบข้างหู) กับ นาย นก อายุ 16 ปี (คนนั่งซ้อนท้าย ไม่ถูกทำร้ายร่างกาย) บริเวณที่เหตุเกิดคือตรงบริเวณด้านหลังตู้ รปภ.หมู่บ้านแสนสุข ม.4 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
นายปอนด์ (ใส่เสื้อสีดำ) อายุ 17 ปี คนขับรถ จยย.ที่ยืนยันว่าถูกตำรวจตบข้างหู เล่าว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนเองและน้องชายไปทำธุระที่อำเภอบ้านแพ้ว เมื่อมาถึงปากซอยเข้าหมู่บ้านก็ได้แวะเติมน้ำมันรถก่อน จากนั้นพอขับเข้ามาในซอยก็รู้ว่ามีรถจักรยานยนต์ขับตามมา แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร จนกระทั่งขับเข้ามาจะถึงปากทางเข้าหมู่บ้านก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวตะโกนเรียกให้จอด แต่ตนเองไม่จอดเนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่มีบ้านคน ไม่มีไฟ และยังมืดมากด้วย อีกทั้งยังกลัวว่าจะถูกยัดยา จึงขับเข้ามาในหมู่บ้านพอถึงด้านหลังตู้ รปภ.ก็ถูกรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับมาจะปาดหน้าแต่ชนด้านข้างแทน ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ตนขับอยู่เกือบล้มคว่ำลง โชคดีที่ตนเองเอาขายันไว้ได้ จากนั้นตำรวจที่นั่งซ้อนท้ายก็ลงมาชี้หน้าด่าตนกับน้องชายแล้วก็ตบเข้าที่ศรีษะข้างหูของตน ทำให้ตนปล่อยมือจนรถล้มลงไป โดยตนเองก็ถามกลับไปว่า มาตบผมทำไม แต่ตำรวจบอกว่า มึงไม่ต้องพูดไปคุยกับกูที่ป้อมอีกทั้งยังดึงคอเสื้อของตนไว้ด้วย ซึ่งน้องชายเห็นเหตุการณ์ไม่ดีจึงตะโกนเรียกแม่กับพี่สาวที่กำลังขายของอยู่หน้าบ้านให้ออกมา เมื่อแม่ออกมาแล้วตำรวจก็ยังไม่หยุด จนในที่สุดทั้งตนเองและน้องชายก็ยอมไปที่ป้อมสายตรวจกับตำรวจนายนั้น เพื่อตรวจปัสสาวะแต่ก็ไม่พบสารอะไร ตำรวจจึงทำการยึดรถไว้แล้วออกใบสั่งข้อหา ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ก่อนจะปล่อยตัวกลับมา ซึ่งตนและน้องชายยืนยันได้ว่า พวกตนไม่เคยมีประวัติกระทำผิดกฎหมายร้ายแรง และช่วงเวลาที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ช่วงเคอร์ฟิวอย่างแน่นอน ดูได้จากเวลาในกล้องวงจรปิดที่เร็วกว่าเวลาจริงด้วย ดังนั้นทั้งตนและคนในครอบครัวทุกคน จึงต้องการที่จะขอความเป็นธรรมในฐานะประชาชนคนธรรมดาที่ถูกกระทำเท่านั้น เพราะแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ใช่ว่าจะทำอะไรกับประชาชนก็ได้
ด้านนางสาววนิดา ฤทธิ์มนตรี อายุ 22 ปี ผู้โพสต์คลิปลงในเฟสบุ๊ค เล่าอีกว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ ตนเองได้ยินเสียงน้องชายคนเล็กตะโกนเรียกก็รีบออกมาดู ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามข้อความที่โพสต์ในเฟสบุ๊คและยืนยันว่าจะไม่ลบคลิป จนกว่าน้องชายจะได้รับความเป็นธรรมในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งแค่คำขอโทษคงไม่พอ เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อเขาขอโทษเราวันนี้แล้ว วันหน้าเขาจะไปทำแบบนี้กับใครที่ไหนอีกหรือไม่ โชคดีที่ตรงจุดเกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดของหมู่บ้าน อีกทั้งยังมีเพื่อนบ้านถ่ายคลิปไว้ให้ด้วย ซึ่งก็ได้ยินเสียงตำรวจชัดเจนพูดว่า “ให้ไปฟ้องศาลเอา ให้ไปตู้กันให้หมด ใครจะฟ้องก็ฟ้องเอา ไปสู้กันในศาล ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายไม่กลัวหรอก”
ขณะที่ ด.ต. พุฒินันท์ ธนันทา ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.เมืองสมุทรสาคร ก็เล่าในอีกด้านหนึ่งว่า ช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลาประมาณเกือบๆ ตี 1 แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเคอร์ฟิวชัดเจน โดยขณะที่ตนและอาสาฯ ออกตรวจพื้นที่ก็พบวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ จึงขับรถตามไปเพื่อตรวจสอบแต่ปรากฏว่าเขาขับรถหลบหนี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำตามหน้าที่อย่างดีที่สุด แล้วแต่ท่านจะวิเคราะห์ ภาพวงจรปิดในหมู่บ้านเขามีสามารถตรวจสอบได้ ส่วนที่ผู้เสียหายได้ร้องเรียนนั้นให้เขาร้องเรียนไป เพราะตนถือว่าตนทำตามหน้าที่ ในกรณีที่เขาบอกว่าตำรวจตบหูนั้น ไม่จริง เพราะเขาหนีจนรถคว่ำทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเอง ตนไม่ได้ตบและไม่ได้ขับรถชนด้วย แต่ตนก็ได้ตรวจรถยึดไว้ตรวจสอบและตนก็ไม่ได้รับเงินใคร โดยได้นำรถที่ตรวจยึดไว้ที่หน่วยบริการประชาชนบางปลา นอกจากนี้ทางด้านวินัยฯ หลังเกิดเหตุผู้บังคับบัญชาได้ให้ตนทำหนังสือชี้แจง 2 หน้ากระดาษ ซึ่งความรู้สึกของตนนั้น ตนรู้สึกท้อแท้สงสารตนเองกับอาชีพตำรวจถ้าจับผู้ร้ายไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ส่วนที่เขาจะร้องนั้นก็เอาที่เขาสบายใจแล้วแต่เขาเลย
ส่วนด้านของ พ.ต.ท.อภิวิทย์ แจ่มแจ้ง สวป.สภ.เมืองสมุทรสาคร กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า จะได้เรียก ด.ต. พุฒินันท์ฯ มาสอบถามข้อเท็จจริงและเชิญคู่กรณีมาสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ทราบรายละเอียดที่แท้จริง ก่อนที่จะมีการดำเนินการต่อไป ซึ่งคงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
ภาพ/ข่าว ชูชาต แดพยนต์ ทีมข่าวสมุทรสาคร