แถลงข่าวกรณีการเสียชีวิตพลายยันหว่าง ขณะเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่โครงการจัดการช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ อ.วังน้ำเย็น (มีคลิป)

เมื่อเวลา 10:30 น. ของวันที่ 28 มกราคม 2564 ที่ห้องประชุมชั้นสองของสำนัก บริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ศรีราชา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธ์ุพืช นายอนุชา กระจายศรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ศรีราชา พร้อมทั้งนายอำนาจ ม่วงปรางค์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า นายพิทักษ์ ยิ่งยง หัวหน้าชุดเคลื่อนย้าย และนางสาวณฐนน ปานเพ็ชร สัตวแพทย์ปฏิบัติการ ร่วมแถลงข่าวกรณีการเสียชีวิตพลายยันหว่าง ขณะเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่โครงการจัดการช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว

ทั้งนี้ได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นประเด็นดราม่าทางสังคมโซเซี่ยล จึงขอชี้แจงการทำงานเกี่ยวกับข้อเท็จจริง โดยนางสาวณฐนน ปานเพ็ชร ให้รายละเอียดว่าวันที่ 23 มกราคม 64 เวลา 23.07 น.คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำการยิงยาซึมช้างป่าพลายยันหว่างออกเดินทางจากอำเภอหนองใหญ่จังหวัดชลบุรีเพื่อไปยังพื้นที่โครงการจัดการช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ หมู่ที่ 26 บ้านคีรีเขต ตำบลทุ่งมหาเจริญ อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว จนกระทั่งเช้าวันที่ 24 มกราคม 64 เวลา 06.00 น.ช้างป่ายันหว่าง มีอาการทรุดตัวลง ขณะอยู่บนรถขนย้ายเหลือระยะทางอีกเพียง 5 กิโลเมตรก่อนถึงพื้นที่โครงการ จนกระทั่งถึงเวลา 06.15 น.ถึงพื้นที่โครงการ และพบว่าช้างป่ายันหว่างมีอาการทรุดหนัก โดยทีมสัตวบาลและเจ้าหน้าที่ ร่วมกันช่วยชีวิตแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ช้างป่ายันหว่างได้ตายลง จากนั้นเวลา 12.35 น.สัตว์แพทย์และสัตวบาลได้ทำการผ่าชันสูตร 1 พบก้อนอาหารจากกระเพาะอาหารอุดอยู่ภายในหลอดลม 2.พบก้อนอาหารอยู่เต็มกระเพาะและลำไส้เล็ก 3.ตับและไตมีลักษณะบวม 4.ลำไส้เล็กแดงกว่าปรกติ 5.พบม้ามมีลักษณะซีด 6.สัตวแพทย์สันนิษฐานสาเหตุการตายเกิดจากสภาวะมีก้อนอาหารที่เกิดจากการขย้อนจากกระเพาะอาหารเข้าสู่หลอดลมอย่างกระทันหันทำให้สัตว์เกิดการหายใจไม่สะดวกและขาดอากาศหายใจ (และสาเหตุลดับที่ 3-5 ต้องรอผลชันสูตรระดับเซลล์ และตรวจโรคคาดว่าจะรู้ผลอีกราว 1 เดือน)

สำหรับกรณีที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวางว่า ช้างป่ายันหว่าง ได้รับยาซึมในปริมาณที่มาก ทางนางสาวณฐนน อธิบายว่ากรณีให้ยาซึมจะคำนึงถึงน้ำหนักช้างเป็นหลัก กรณีช้างป่าพลายยันหว่าง มีน้ำหนักตัว 2400 กิโลกรัม การให้ยาซึมแต่ละครั้งจะให้ได้ไม่เกิน 24 ซีซี ระหว่างเดินทาง มีทีมสัตวบาลเฝ้าสังเกตุประเมินสถานการณ์ตลอด ซึ่งพฤติกรรมของช้างป่ากับช้างบ้านมีความแตกต่างกัน กรณีพลายยันหว่างเป็นช้างป่าการขนย้ายจึงไม่เหมือน ช้างบ้านที่ใช้เครื่องพันธนาการ เชือกมัด รั้ง แต่ต้องใช้ยาซึม ทีมสัตวแพทย์ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง ถ้าช้าง เริ่มรู้สึกตัวก็จำเป็นต้องใช้ยาซึมอีก ซึ่งการขนย้ายช้างก็เคยผ่านมาแล้วหลายครั้ง มีประสบการณ์ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพลายยันหว่างถือว่าเป็นเหตุไม่คาดฝัน

ส่วนทางด้าน นายพิทักษ์ ยิ่งยง หัวหน้าชุดการเคลื่อนย้ายช้าง กล่าวว่า ปัญหาเรื่องช้างที่จะเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ควบคุมนั้น จำเป็นที่จะต้องคำนึกถึงระยะทางถ้าหากมีระยะทางที่ไกล ใช้เวลาเดินทางนานหลายชั่วโมง จำเป็นที่จะต้องหาที่พัก เพื่อป้องกันการสูญเสีย ยืนยันว่า การทำงาน ทำแบบรอบคอบและมีการขออนุญาตจากกรมอุทยานตามขั้นตอน

ภาพ/ข่าว ศรุต ธานินมงคล ชลบุรี