วิพากษ์การเมือง ข่าวชัด “ปรับทัพ รับศึกอภิปราย”
1 min readวิพากษ์การเมือง ข่าวชัด ก.พ.64
ปรับทัพ รับศึกอภิปราย
การเปิดอภิปรายรัฐบาลรับต้นปี 64 คอการเมืองคงไม่ผิดหวัง เพราะที่ผ่านมา จืด ชืดสนิท เหมือนซุปต้มจืดไม่สมราคาคุยของฝ่ายค้าน ขาดแรงจูงใจติดตาม จนต้องปิดทีวีหนีไปดูช่องอื่น ยังมันกว่า
สาเหตุ สภาถูกวางกฎระเบียบการอภิปรายมากเกินไป จนฝ่ายค้านอ้าปากขยับ อภิปรายไม่เต็มเสียง ประการสำคัญมีองครักษ์พิทักษ์รัฐบาลจำนวนมาก ดาหน้าออกมาปกป้องตลอดรายการ คือเสนอหน้าออกทีวี เสนอหน้าสอพลอ จนไม่รู้เวลาของตน การทำหน้าที่ สส.นั้น ไม่ใช่ทำหน้าที่ปลอกคอ สส.ต้องทำหน้าที่ปกป้องประชาชน ในยามที่มีการแพร่ระบาดวิทยาของเชื้อไวรัสโควิด ซึ่งประชาชนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า แต่ไม่เห็นนักการเมือง คนใดออกมาช่วยเหลือประชาชน วันๆคอยแต่ชูคอ ออกกฎประชาชน อาชญากรรม ภัยโจรผู้ร้ายเต็มบ้านเมือง นักการเมืองที่ดี ต้องรักษาผลประโยชน์ประชาชน มิใช่คอยแต่แสวงหาประโยชน์ความชอบใส่ตนเอง หรือแม้แต่คอยแทงข้างหลัง นักการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม นี่คือพฤติกรรมนักการเมืองไทย มุ่งมั่นแต่อำนาจและหาผลประโยชน์เป็นหลัก เอาดีใส่ตน ยกชั่วให้คนอื่น มองข้ามประชาชน ที่กำลังตกทุกข์แสนเข็ญ ในปัจจุบัน
การเยียวยา คำพูดสวยหรู แต่แฝงด้วยนัยยะและเงื่อนไขมากมาย มีแต่นายทุนเท่านั้นที่ค้ากำไร จากประชาชนรากหญ้า มีความหวังในการช่วยเหลือตามรูปแบบโยนเงินให้ ใครสามารถคว้าได้ก่อน ก็โชคดี แต่มีข้อจำกัดในการบริโภค รัฐบาล มิได้คำนึงถึงประชาชนคนยากจน ล้นประเทศในเวลานี้ มีแต่คำพูด ต้องสร้างสังคมไทยไร้เงินสด มันคือคำพูดคนไม่รู้จริงในสถานะประชาชน ประเทศไทยยังด้อยพัฒนา บนความหลากหลายทางชีวภาพ โรงการหมื่นล้าน แสนล้านทำได้ แต่หยิบยื่นให้ประชาชน เป็นเพียงเศษเงิน เท่านั้น
7 ปีรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คสช. ไม่มีอะไรใหม่ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ยังย่ำยีการเมืองในระบอบประชาธิปไตย จนป่นปี้ ทุจริตคะแนนเสียงตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ ที่ร้ายไปกว่านั้น ยังมีหน่วยงานรัฐ คอยรับใบกำกับฟาดฟันฝ่ายคิดต่างตามรูปแบบอำนาจนิยม
สังคมไทยแบ่งชนชั้น เกิดขึ้นในยุคนี้อย่างเด่นชัด สอนให้ประชาชนใช้เทคโนโลยี แต่ไม่เคยวางรากฐานสู่ประชาชน ชาวบ้านบางครัวเรือนตกงานยกครัว ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อโทรศัพท์ เงินเยียวยาผู้มีบัตรประชาชนทุกคน ต้องได้รับเท่าเทียมกัน แม้ข้าราชการทุกกรมกอง หน่วยเหล่า ได้เท่ากันหมดทุกคนที่เป็นคนไทย
สังคมเหลื่อมล้ำ ถูกนำมาใช้ซื้อเสียง จากความคิดนายทุน ส่วนประชาชนไม่มีสิทธิ เพราะเม็ดเงินทุกบาท ถูกกำหนดต้องซื้อสินค้าที่นายทุนผลิตเท่านั้น ส่วนแผงลอย หาบเร่ ที่เป็นสินค้ารากหญ้าหมดสิทธิ
วิธีคิดเช่นนั้น ทำได้เฉพาะคนที่มีกะโหลกหนา แต่ไร้มันสมอง ที่นิยมทำกันในหมู่นักการเมือง การเยียวยาที่ถูกวิธี ประชาชนทุกคนต้องได้กันหมด เท่าเทียมกัน ไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีเงื่อนไขใดๆ
หากจะสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนศรัทธา รัฐบาล ต้องพัฒนาความคิดให้ดีกว่านี้ มิใช่พูดเอาดีใส่ตัว ต้องทำให้ประชาชนเห็นมากที่สุดในรูปธรรม รัฐบาลต้องเปิดใจรับฟังเสียงสะท้อนจากรากหญ้า อันเป็นรากฐานประเทศ มิใช่รับฟังแต่นักการเมืองสอพลอเท่านั้น
เชื้อไวรัสโควิด 19 ระบาดรอบสองนี้ ไม่ใช่มาจากคนในประเทศ แต่มีคนกลุ่มหนึ่ง นำเข้าประเทศ จนขยายวงกว้างไปจนเกือบทั่วประเทศ เพียงเพราะเศษเนื้อข้างเขียง ผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่จับตัวใครไม่ได้ เพราะมัวแต่พูดเท็จไปวันๆ ให้ตนเองรอด ตกหนักประชาชนรับเคราะห์ ผู้ประกอบการหลากหลายปิดกิจการ อดอยากกันถ้วนหน้า เป็นโอกาสของพวกอำนาจนิยม ใช้ข้อกำหนดปิดกั้นประชาชน โดยอ้างกฎหมาย แม้วัคซีนยาต้านโควิด 19 ยังถูกกำหนด กลุ่มนั้น กลุ่มนี้ไม่ได้ รับการฉีดยาต้านไวรัส
ประชาชนในประเทศนี้ ต้องได้รับการรักษาพยาบาลตามหลักสาธารณสุขศาสตร์ ไม่แบ่งแยก ยากดี มีจน หรือแม้แต่เสียเงินซื้อยาเอง การบริหารบ้านเมืองในยามเห็นต่างเช่นนี้ ต้องหยิบยื่นสวัสดิการให้ทุกกลุ่ม ทุกคนคือประชาชนในประเทศไทย มีสิทธิเท่าเทียมกัน วรรณะสูงต่ำคือคนไทยในแผ่นดิน หากช่วยเหลือแล้ว ยังมีเงื่อนไขจุกจิกมากมายเช่นนี้ ก็ให้ประชาชนช่วยตนเองที่ดีกว่าคิดล้าหลัง ต้องการให้สังคมไทยไร้เงินสด ช่างคิดเสียจริง ทั้งยังน่าสงสาร ปัญญามีแค่นี้หรือ ?
โปร่ง พญาไม้