ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลวงหนุ่มเปิดบัญชีม้า-ภรรยาถูกข่มขืน โยงเครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามชาติ
1 min read
วันที่ 18 ธันวาคม 2567 ที่อาคารตำรวจภูธรภาค 7 อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาในคดีข่มขืนกระทำชำเราหญิงในพื้นที่ สภ.กำแพงแสน โดยพบว่าคดีนี้เกี่ยวพันกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ข้ามชาติ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 น.ส.สมศรี (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ได้ถูกหลอกไปที่หอพักแห่งหนึ่งในอำเภอกำแพงแสน ก่อนจะถูกข่มขืนโดยผู้ต้องหา หลังจากนั้นเธอได้แจ้งความที่ สภ.กำแพงแสน ซึ่งการสืบสวนขยายผลพบว่าเหตุการณ์นี้เชื่อมโยงกับสามีของเธอ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ล่อลวงให้เปิดบัญชีม้าและส่งตัวข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
นายเอเล่าว่า เขาได้รู้จักกับผู้ต้องหาผ่านเฟซบุ๊ก โดยถูกหลอกว่าไปทำงานที่ได้เงินดี แต่เมื่อไปถึงกลับถูกยึดโทรศัพท์ บัตรประชาชน และบังคับให้โอนเงินกว่า 60 ครั้งผ่านบัญชีที่เปิดไว้ ก่อนจะถูกปล่อยตัวกลับมาที่กำแพงแสน เมื่อกลับมาถึง เขาได้พบภรรยาและทราบว่าเธอถูกข่มขืน
จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ต้องหาคนเดียวกันที่ล่อลวงนายเอไปทำงานในต่างแดน คือผู้ก่อเหตุข่มขืน น.ส.สมศรี โดยหลอกเธอว่าหากไม่ยอมทำตาม สามีของเธอจะไม่ได้รับการปล่อยตัว
ตำรวจได้ขยายผลไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง พบความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติที่ใช้บัญชีม้าในการโอนเงินผิดกฎหมาย พล.ต.ต.อุทัยกล่าวว่า คดีนี้เป็นตัวอย่างของการตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการเปิดบัญชีม้า ซึ่งถือเป็นความผิดตามกฎหมาย และอาจทำให้ตนเองหรือคนใกล้ชิดตกอยู่ในอันตราย
ปัจจุบันผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวและเตรียมขยายผลดำเนินคดีต่อไป เพื่อทำลายเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด.