ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประชุมร่วมกับรองอธิบดีอัยการ ปิดสำนวนคดี “เป้รักผู้การภาค 2” ก่อนส่งสำนวนให้อัยการพิจารณา
1 min read
ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประชุมร่วมกับรองอธิบดีอัยการ ปิดสำนวนคดี “เป้รักผู้การภาค 2” ก่อนส่งสำนวนให้อัยการพิจารณา ด้าน อัยการ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
วันนี้ (26 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ ห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน เเละนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวนเป็นหัวหน้าคณะทำงานกำกับการสอบสวน ได้เดินทางมาร่วมประชุมปิดดี “เป้รักผู้การ” ภาค2 ที่มี“บอย พัทยา”กับพวกฟอกเงินรีดทรัพย์ ก่อนส่งสำนวนให้กับพนักงานอัยการพิจารณา สำหรับคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงินและรีดทรัพย์ที่มี “บอย พัทยา” และพวกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งตำรวจได้ดำเนินการสอบสวนมาอย่างต่อเนื่องจนได้ข้อสรุปของสำนวน ก่อนส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย

โดย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมร่วมกับอัยการฝ่ายสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี “เป้รักผู้การ ภาค 2 ” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริตและการฟอกเงิน สำหรับคดีแรก ที่เจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงิน 140 ล้านบาท หรือคดีเป้รักผู้การ ได้มีการส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 30 รายไปตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่คดีเป้รับผู้การภาค 2 ซึ่งเป็นการสืบสวนขยายผลที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน โดย พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องรวม 22 ราย ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย และมีผู้ต้องหาหลบหนี 1 ราย ซึ่งได้หลบหนีไปยังประเทศลาว
ด้าน นาย วัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เปิดเผยว่า คดีนี้เกี่ยวข้องกับ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งกำหนดให้อัยการต้องเข้าร่วมตรวจสอบการสอบสวน โดยคดีแรกดำเนินการแล้วเสร็จ ขณะที่คดีที่สองเกี่ยวกับการฟอกเงินนั้น ทาง อัยการยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหานำพยานหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนและอัยการมีความเห็นตรงกันในการสั่งฟ้องผู้ต้องหา ซึ่งได้สรุปสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว ทั้ง 2 คดี โดยกำหนดให้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการเพื่อตรวจสอบสำนวน ไม่เกินกลางเดือนเมษายน 2568 โดย จะดำเนินการนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้อง เพื่อให้ทางอัยการได้พิจารณาตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
