ตำรวจปส. จับสองผู้ต้องหาลักลอบขนยาบ้ากว่า 13 ล้านเม็ด พบใช้เยาวชนขนยาเสพติดมากขึ้นหลังตำรวจคุมเข้มแนวชายแดน
1 min read
ตำรวจปส. จับสองผู้ต้องหาลักลอบขนยาบ้ากว่า 13 ล้านเม็ด พบใช้เยาวชนขนยาเสพติดมากขึ้นหลังตำรวจคุมเข้มแนวชายแดน พร้อมเผยสถิติผลปฏิบัติงานด้านการปราบปราบยาเสพติดทั่วประเทศจับกุม 1 ต.ค.67-ปัจจุบัน จับผู้ต้องหากว่า 1 แสนราย ยึดของกลางยาบ้า 566 ล้านเม็ด ไอซ์ 3 หมื่นกิโลกรัม ยึดทรัพย์ 5,301 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.)-21 เมษายน 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยพล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.)
พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลทลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ได้พร้อมของกลางยาบ้า 13,200,000 เมตร รถยนต์ 2 คัน
คดีแรกตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่, สำนักงานป.ป.ส. ได้เฝ้าระวังการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคเหนือ หลังสืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ตอนใดของประเทศจึงได้เฝ้าระวังต่อมาวันที่ 7 เมษายน 2568 พบความเคลื่อนไหวรถกระบะกลุ่มบุคคลในเครือข่ายอยู่บนถนนโชตินา เขตพื้นที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยเข้าไปในพื้นที่หมู่บ้านกลุ่มชาติพันธุ์ จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ จากนั้น 8 เมษายน 2568 รถกระบะคันดังกล่าวขับออกมาได้บรรทุกกะหล่ำปลีเต็มท้ายกระบะมีน้ำหนักมากผิดปกติ มุ่งหน้า อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อรถกระบะมาถึงบริเวณด่านตรวจยาเสพติด แก่งปั้นเต้า ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาบ้า 12,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระบะโดยมีกะหล่ำปลีปกปิดอำพราง ทั้งนี้นำตัวผู้ต้องหาและของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อีกคดีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 นปส.เชียงราย กก.2 บก.ปส.3 ได้จับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาบ้า 1,200,000 เม็ด หลังตำรวจสืบทราบว่ากลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติด บ้านผาหมี อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อนำส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้เฝ้าระวังกระทั่งพบรถกระบะของกลุ่มเครือข่ายขับออกมาจากหมู่บ้านผาหมี มุ่งหน้าไปอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จึงได้ติดตามกระทั่งรถกระบะคันดังกล่าวเข้าไปจอดบริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ต่อมามีชาย 2 คน ได้เดินมาที่รถกระบะและจะขับออกไป เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น ชายคนขับได้เปิดประตูรถและหลบหนีไปยังด้านหลังของห้างสรรพสินค้า จึงได้จับกุมผู้ต้องหาเป็นเยาวชนซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างคนขับจำนวน 1 คน และของกลางยาบ้า 1,200,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสารตอนหลัง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 จะได้ทำการขยายผลเพื่อติดตามผู้ต้องหาที่หลบหนีต่อไป

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า แม้ว่าที่ผ่านมาจะสามารถจับกุมผู้ต้องหาและของกลางได้จำนวนมาก แต่ตัวผู้บงการหรือนักค้าจะขยายผลต่อไป ในรอบปีที่ผ่านมาพบว่าปริมาณยาเสพติดจับได้ประมาณ 450 ล้านเม็ด แม้ช่วงที่ผ่านมาจะเกิดแผ่นดินไหวแต่ยังพบว่าปัญหายาเสพติดยังมีการลักลอบลำเลียงอยู่ เบื้องต้นยาเสพติดเหล่านี้จะเข้ามายังแหล่งพักยาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เนื่องจากยาเสพติดที่จับกุมได้มีอักษร Y1 และส่วนใหญ่ยาเสพติดเหล่านี้จะส่งต่อไปยังสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวว่า การลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตั้งแต่ต้นทางที่ภาคเหนือโดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายนเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีประชาชนเดินทางไปเที่ยวทั่วราชอาณาจักร ผู้กระทำความผิดจึงอาศัยจังหวะดังกล่าวในการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาตามแนวชายแดนในพื้นที่ภาคเหนือ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กวดขันปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดตั้งแต่ต้นทางตามแนวชายแดน กลางทางในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาตามเส้นทางต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน เพื่อเข้ามาสู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีการติดตามสกัดกั้นจับกุมตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เมื่อมีการจับกุมได้จะมีการสอบสวนขยายผลกับผู้กระทำความผิดจนถึงที่สุด โดยนำมาตรการพ.ร.บ.สมคบฯ เพื่อยึดทรัพย์มาบังคับใช้ ขณะเดียวกันในพื้นที่ชุมชนต่างๆ จะทำการเอกซเรย์พื้นที่หาผู้ค้ารายย่อยปราบปรามจับกุมตรวจค้นอย่างต่อเนื่องเพื่อระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด
เมื่อถามถึงกรณีที่ขบวนการค้ายาเสพติดใช้ผู้ขนยาเสพติดที่มีอายุน้อยลงหรือยังเป็นเยาวชนอยู่จะมีผลต่อการดำเนินดคีหรือไม่ พล.ต.ท.สันติ กล่าวว่า ช่วงหลังในหลายคดีพบเห็นว่าผู้กระทำความผิดอายุไม่มากซึ่งอาจเป็นแนววิธีการ การดำเนินการทั้งการปิดกั้นพื้นที่ชายแดนในการหยุดยั้งสกัดกั้นยาเสพติดได้เพิ่มความเข้มเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ลักลอบขนหาได้ยากขึ้น ผู้สั่งการหาผู้ลักลอบขนได้ยากขึ้นจึงมีการลดจำนวนอายุของผู้ลักลอบขนลงมา ขณะที่พ.ต.อ.ทวียืนยันว่าการใช้ผู้ขนยาเสพติดที่มีอายุน้อยลงไม่มีผลกับการดำเนินคดี โทษยังเท่าเดิมอยู่ เพียงแต่จะต้องส่งไปยังศาลเด็ก เยาวชนและครอบครัวตามขั้นตอนเท่านั้น

จากสถิติผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2567 ถึง ปัจจุบัน ทั่วประเทศสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้จำนวนทั้งสิ้น 136,189 ราย ตรวจยึดของกลางยาเสพติดเป็นยาบ้า 566,622,422 เม็ด, ไอซ์ 30,334.51 กิโลกรัม, เฮโรอีน 896.07 กิโลกรัม, คีตามีน 4,068.51 กิโลกรัม และยาอี จำนวน 123,087 เม็ด รวมทั้งสามารถดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดได้รวมมูลค่า กว่า 5,301,456,966 บาท

ส่วนการปราบปรามยาเสพติดของ บช.ปส. ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 – ปัจจุบัน สามารถจับกุมขบวนการ ค้ายาเสพติดทุกคดีได้ 679 คดี ผู้ต้องหา 680 คน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 194,410,158 เม็ด, ไอซ์ 12,526.44 กก., เฮโรอีน 205.01 กก., คีตามีน 710 กก. และยาอี 581 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 1,566,813,230 บาท